ประจำเดือน (Menstruation) คือ การที่มีเลือดออกมาทางช่องคลอดเป็นประจำทุกเดือน โดยปกติผู้หญิงจะเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกในช่วงอายุ 12-13 ปี เป็นอาการแสดงความพร้อมของร่างกายสู่การเจริญพันธุ์ ประจำเดือนเกิดจากการที่สมองหลั่งฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองมากระตุ้นรังไข่ให้สร้างฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และ โปรเจสเตอโรน (Progesterone) ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้จะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้น เพื่อเตรียมรอรับการฝังตัวของตัวอ่อน ในแต่ละเดือนจะมีไข่ตกเดือละ 1 ฟอง หากไม่มีการปฏิสนธิหรือไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น เยื่อบุโพรงมดลูกที่เตรียมไว้รอรับตัวอ่อนก็จะหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน และก่อนจะค่อย ๆ เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ในช่วงอายุประมาณ 45-55 ปี
ในบางกรณีจะมีอาการป่วยหรือได้รับการรักษาที่กระทบต่อรอบเดือนก็อาจทำให้ประจำเดือนหมดก่อนวัยได้เช่นกัน

อาการของผู้หญิงที่ปวดท้องประจำเดือน

สาเหตุของการปวดท้องประจำเดือน
การปวดประจำเดือนอาจแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ดังนี้
1. ปวดประจำเดือนชนิดไม่รุนแรง
ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีอาการปวดรอบประจำเดือน จะเป็นการปวดชนิดที่ 1 ประมาณกันว่าร้อยละ 70-80 ของผู้ที่ปวดรอบประจำเดือนจะเป็นภาวะปวดรอบประจำเดือนชนิดที่ไม่รุนแรงนี้ โดยมากมักมีอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง เมื่อได้พักผ่อน รักษาดูแลด้วยตนเอง หรือได้รับยาบางชนิด อาการปวดก็จะทุเลาเบาบางลง สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
สาเหตุของการปวดประจำเดือนชนิดนี้ คือปากมดลูกหรือมดลูกตึงแน่นเกินไป การไหลเวียนของเลือดยังไม่ดีพอ หรือมีการแปรปรวนของฮอร์โมน
2. ปวดประจำเดือนชนิดรุนแรง
วิธีดูแลตัวเองเมื่อปวดท้องประจำเดือน

ประคบร้อน

จิบเครื่องดื่มอุ่น ๆ
นอกจากการสัมผัสความร้อนจากภายนอก การปรับให้ภายในร่างกายอุ่นขึ้นด้วยการจิบเครื่องดื่มอุ่น ๆ ระหว่างวันก็ช่วยลดอาการปวดประจำเดือนลงได้ แต่ไม่ควรดื่มเป็นชาหรือกาแฟร้อน เพราะเครื่องดื่มประเภทคาเฟอีนจะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ส่งผลให้อาการปวดประจำเดือนเพิ่มความรุนแรงขึ้นได้ ควรเลือกเป็นน้ำอุ่นธรรมดา น้ำผึ้งผสมมะนาว หรือน้ำขิงอุ่นๆ

เน้นกินอาหารกลุ่มที่มีแมกนีเซียม
รู้หรือไม่ว่า แค่เลือกกินให้ถูกก็ช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้โดยไม่ต้องพึ่งยาเลยทีเดียว ซึ่งอาหารที่เหมาะสำหรับช่วงมีประจำเดือน คือกลุ่มที่มีแมกนีเซียม เช่น ผักโขม ผักปวยเล้ง ตำลึง หรือกล้วย เพราะแมกนีเซียมมีส่วนช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดเกร็งในช่องท้อง ทำให้อาการปวดประจำเดือนทุเลาลงได้
ปวดท้องประจำเดือนบ่อยๆกินอะไรดี
หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วจะกินอะไรดีล่ะ…เพื่อจะให้ไม่ปวดท้องประจำเดือน เมื่อคิดแบบนี้หลายคนก็จะมีคำตอบแว๊บเข้ามาในหัวคือการกินยาลดอาการปวด แต่รู้หรือไม่ว่าในระยะยาวจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ อ่านเพิ่มเติม
จึงอยากแนะนำให้เน้นรับประทานของที่มีประโยชน์และเป็นธรรมชาติ เช่น กล้วย น้ำขิง ตำลึง เป็นต้น
สมุนไพรอะไรช่วยแก้ปวดท้องประจำเดือน
สมุนไพรที่มีส่วนช่วยในการแก้ หรือบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน มีดังนี้
ตังกุย – มีสารสำคัญหลายชนิด เช่น ไลกัสติไล (Ligustilide), กรดเฟรูลิก (Ferulic Acid) และโพลีแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides) ถูกนำมาใช้ในตำราแพทย์แผนไทยโบราณในการปรับประจำเดือนให้เป็นปกติ รักษาภาวะขาดประจำเดือน ใช้เป็นยาแก้ปวดประจำเดือน หรือรักษาอาการร้อนวูบวาบในหญิงหมดประจำเดือน
โบราจ ออยล์ – โบราจให้กรดไขมันแกมมาไลโนเลนิก ในปริมาณสูงถึง 24-25% มีคุณสมบัติบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ลดอาการผิวหนังแห้ง คัน ลอกเป็นขุย ลดอาการปวดประจำเดือน เจ็บคัดหน้าอก หงุดหงิด หรือภาวะซึมเศร้าในระยะก่อนมีประจำเดือน ป้องกันอาการร้อนวูบวาบในวัยทอง
น้ำมันรำข้าว – มีสารออริซานอล (Oryzanol) ที่มีการวิจัยพบว่าช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ (Hot Flashes) ในสตรีวัยทอง และ ลดภาวะกระดูกพรุน อีกทั้งน้ำมันรำข้าวยังมีสารที่ช่วยลดการดูดซึมไขมันคอเลสเตอรอล และเพิ่มการขับคอเลสเตอรอลออกจากร่างกาย จึงมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ อ่านเพิ่มเติม