เมื่อถึงวันนั้นของเดือน ผู้หญิงต้องเจอกับอาการปวดท้องประจำเดือนทุกครั้ง ซึ่งเป็นปัญหากวนใจของใครหลายๆ คน
และนอกจากจะทำให้เกิดการอักเสบแล้ว ยังมีผลทำให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัวมากกว่าปกติ จึงทำให้มีอาการปวดท้องขณะมีประจำเดือน และอาจลามไปที่เอวด้านหลัง ต้นขา หรือในบางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และอ่อนเพลียร่วมด้วย ทั้งนี้เมื่อไหร่ที่สาว ๆ มีอาการปวดท้องประจำเดือน ก็จะมีความเคยชินว่าจะต้องไปซื้อยามากิน เพื่อบรรเทาอาการปวดให้ดีขึ้น
หากถามว่ากินยาทุกครั้ง เมื่อปวดท้องประจำเดือนจะเป็นอันตรายไหม ขอบอกเลยว่าถ้ากินอย่างต่อเนื่อง และเกินปริมาณย่อมมีผลข้างเคียงแน่นอน ดังนั้นสำหรับผู้ใหญ่ขนาดสูงสุดที่รับประทาน คือไม่ควรเกิน 500 มิลลิกรัมต่อครั้ง และไม่เกิน 3 ครั้งต่อวัน อาการปวดทั่วไปไม่ควรรับประทานยาติดต่อกันเกิน 7 วัน


ผลข้างเคียงจากการกินยาแก้ปวดท้องประจำเดือน
ด้านผลข้างเคียงของการได้รับยานี้อย่างต่อเนื่อง อาจจะทำให้เกิดภาวะเกล็ดเลือดแตก (เลือดจึงออกได้ง่ายและหยุดยาก) โลหิตจาง ภาวะซีด ระคายเคืองในช่องท้อง ท้องผูก บางคนก็ท้องเสีย เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ ผิวหนังบวม หอบหืด ปวดศีรษะ ง่วงนอน หงุดหงิด หรืออันตรายถึงขนาดเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูง ใจสั่น ลมพิษ ภาวะตับและไตทำงานผิดปกติได้อีกด้วย ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคตับหรือโรคไต ผู้ป่วยที่เป็นโรคเลือดชนิดต่างๆ เช่น โรคเกล็ดเลือดต่ำ สตรีที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร รวมถึงผู้ที่ผ่าตัดเส้นเลือดที่หัวใจ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้อีกด้วย
ขอขอบคุณ : https://www.sanook.com/health/19067/